เมนู

รู้ขันธ์ เพราะสิ้นภวตัณหาด้วยมรรคอันเป็นอุบายก้าวล่วงขันธปัญจกะที่เกิดแล้ว
แต่นั้นก็น้อมไปในนิพพานตามเป็นจริง. บทว่า ภวาภเว ความว่า ภิกษุ
ปราศจากตัณหา คือ ทำลายกิเลสได้แล้ว ในภพน้อยและภพใหญ่ หรือใน
เพราะการเห็นความขาดสูญเป็นต้น ย่อมไม่มาสู่ภพใหม่ คือถึงความเป็นผู้ไม่มี
บัญญัตินั่นเอง เพราะความไม่เกิด คือ ไม่เกิดอีกต่อไปแห่งอัตภาพ อันได้แก่
อุปาทานขันธ์ที่เกิดแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจบเทศนาด้วยอนุปาทิเสส-
นิพพานธาตุ.
พระองค์ตรัสถึงวัฏฏะในสูตรที่ 11 ในวรรคนี้ ตรัสถึงวัฏฏะและ
วิวัฏฏะในสูตรที่ 3-4-5 และในสูตรสุดท้าย ด้วยประการฉะนี้. แม้ในสูตร
ที่เหลือก็พึงทราบว่า เป็นวิวัฏฏะอย่างเดียว.
จบอรรถกถาทิฏฐิสูตรที่ 12
จบอรรถกถาทุกนิบาตอิติวุตตกะแห่งอรรถกถา
ขุททกนิกาย ชื่อว่า ปรมัตถวิภาวินี

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. วิตักกสูตร 2. เทศนาสูตร 3. วิชชาสูตร 4. ปัญญาสูตร
5. ธรรมสูตร 6. อชาตสูตร 7. ธาตุสูตร 8. สัลลานสูตร 9. สิกขาสูตร
10. ชาคริยสูตร 11. อปายสูตร 12. ทิฎฐิสูตร และอรรถกถา.
จบทุกนิบาต

อิติวุตตกะ ติกนิบาต วรรคที่ 1


1. อกุศลมูลสูตร


ว่าด้วยอกุศลมูล 2 ประการ


[228] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้
สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลมูล 3 ประการนี้ 3 ประการ
เป็นไฉน ? คือ โลภะเป็นอกุศลมูล 1 โทสะเป็นอกุศลมูล 1 โมหะเป็น
อกุศลมูล 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อกุศลมูล 3 ประการนี้แล.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
โลภะ โทสะ และโมหะ เกิดแล้ว
ในตน ย่อมเบียดเบียนบุรุษผู้มีจิตอันลามก
เหมือนขุยไผ่ ย่อมเบียดเบียนไม้ไผ่
ฉะนั้น.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบอกุศลอมูลสูตรที่ 1